สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 19 มีนาคม 2561

ข่าว

สรุปข่าวเศรษฐกิจ (ภาคเช้า) ประจำวันที่ 19 มีนาคม 2561

19 มีนาคม 2561
 

• ค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าขึ้นอีกครั้งในคืนวันศุกร์ โดยตลาดได้รับแรงสนับสนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นผลผลิตภาคอุตสาหกรรม และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นประจำเดือนมี.ค. ที่เป็นปัจจัยหนุนคาดการณ์การขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมสัปดาห์นี้อีก 0.25% ขณะเดียวกันนักลงทุนก็ให้ความสนใจไปยังมุมมองของเฟดเกี่ยวกับทิศทางการดำเนินนโยบายดอกเบี้ยต่อในปีนี้

ดัชนีดอลลาร์ปรับแข็งค่าขึ้น 0.1% ที่ระดับ 90.223 จุด ขณะที่ค่าเงินเยนอ่อนค่าลง 0.2% ที่ระดับ 106.08 เยน/ดอลลาร์ หลังจากที่ลงไปทำระดับแข็งค่ามากที่สุดนับตั้งแต่ 7 มี.ค.บริเวณ 105.61 เยน/ดอลลาร์ ขณะที่ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลง 0.2% ที่ระดับ 1.2284 ดอลลาร์/ยูโร

• สำหรับการประชุมเฟดในสัปดาห์นี้ระหว่าง 20-21 มี.ค. ถูกคาดการณ์ว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% สู่กรอบ 1.50-1.75% ขณะที่เครื่องมือ FedWacth ของ CME Group มองโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยสัปดาห์นี้สูงถึง 94.4%

• รัฐสภาสหรัฐฯกำลังดำเนินการเจรจาเพื่อเขียนร่างงบประมาณก่อนที่ร่างงบประมาณฉบับก่อนหน้าจะหมดอายุลงในวันที่ 23 มี.ค. นี้ อย่างไรก็ตาม การดำเนินดังกล่าวดูจะมีความล่าช้า เนื่องจากทั้งพรรครีพับลิกันและเดโมแครตยังคงมีความขัดแย้งกันเกี่ยวกับนโยบายการอพยพของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ

• บรรดาบริษัทขนาดใหญ่ในสัญชาติสหรัฐฯกว่า 45 แห่ง ร่วมกันโน้มน้าวให้นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ พิจารณาระงับการปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน เนื่องจากอาจเป็นผลร้ายต่อเศรษฐกิจ และผู้บริโภคภายในสหรัฐฯ

• รัฐบาลอังกฤษแสดงความผิดหวังต่อแนวคิดการปรับขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กของสหรัฐฯ แต่มีมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับความสามารถในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ ขณะที่ทางสหภาพยุโรปกำลังเจรจากับสหรัฐฯ ให้พิจารณาละเว้นการขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กจาก 28 ประเทศในยูโรโซน รวมถึงอังกฤษ

• นางเทเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เปิดเผยว่า ตนกำลังพิจารณาดำเนินการกดดันรัสเซียในขั้นตอนถัดไป หลังจากรัสเซียประกาศจะปลดนักการฑูตชาวอังกฤษในรัสเซียออก 23 คน เพื่อตอบโต้อังกฤษที่ดำเนินการเช่นเดียวกันกับนักการฑูตชาวรัสเซีย

• นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา แบบขาดลอย ส่งผลให้นายปูตินสามารถดำรงตำแหน่งต่อไปได้ 6 ปี ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจของรัสเซียที่ยังคงถูกแรงกดดันมาจากบรรดาประเทศฝั่งตะวันตก

• นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ได้รับการรับเลือกจากเสียงส่วนใหญ่ในรัฐสภาให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีต่ออีก 1 สมัย ด้วยคะแนนเสียงอย่างล้นหลาม หลังจากที่รัฐสภามีมติยกเลิกข้อจำกัดที่ระบุให้ประธานาธิบดีไม่สามารถดำรงตำแหน่งติดต่อกันได้เกิน 2 วาระออกไป ส่งผลให้นายจิ้นผิงอาจสามารถดำรงตำแหน่งได้ตลอดไป

• ที่ประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีนมีมติให้ นายอี้ กัง (Yi Gang) รองผู้ว่าการธนาคารกลางจีน ขึ้นรับตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารกลางจีน แทนนายโจว เสี่ยวฉวน (Zhou Xiaochuan) ผู้ว่าคนปัจุบัน ซึ่งจะเกษียณในเร็วๆนี้ โดยการรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการน่าจะเกิดขึ้นในวันจันทร์นี้

• บรรดาที่ปรึกษาด้านความมั่นคงระหว่างประเทศระดับสูงจากสหรัฐฯ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ได้จัดการประชุมขึ้นเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อหารือเกี่ยวกับการดำเนินการให้เกาหลีเหนือระงับการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ โดยการประชุมครั้งนี้ยังคงหารือเพื่อเตรียมการสำหรับการพบกันระหว่างผู้นำสหรัฐฯและเกาหลีเหนือที่อาจเกิดขึ้นในเดือน พ.ค. นี้อีกด้วย

• บรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอีซีบี จำนวน 3 นาย แสดงความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะยังสามารถขยายตัวต่อไปได้ แม้อัตราเงินเฟ้อจะไม่เติบโตได้รวดเร็วตามที่คาดในปีนี้ก็ตาม จึงช่วยหนุนกระแสคาดการณ์ในตลาดว่า อีซีบีจะทำการปรับลดปริมาณการเข้าซื้อสินทรัพย์มูลค่ากว่า 2.55 ล้านล้านยูโร ลงภายในปีนี้ และจะเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2019

ทั้งนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภคของยูโรโซนเมื่อเดือนที่ผ่านมา ชะลอตัวลงสู่ระดับ 1.1% เนื่องจากราคาอาหารและพลังงานที่ปรับลดลง

• นายเจนส์ เวียดแมน ประธานธนาคารกลางเยอรมนี กล่าวว่า ทิศทางเศรษฐกิจเชิงบวกและเงินเฟ้ออาจทำให้อีซีบีตัดสินใจยุติการเข้าซื้อพันธบัตรได้เร็วขึ้น

• ราคาน้ำมันดิบปิดปรับตัวสูงขึ้นคืนวันศุกร์ โดยน้ำมันดิบ Brent และ WTI ต่างก็ทำระดับปิดสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ท่ามกลางราคาสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้น และนักลงทุนทำการปิดสถานะ Short จากข่าวที่ว่า มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดิอาระเบีย หรือเจ้าชายโมมฮัมเม็ด บิน ซามาน กล่าวว่า หลายประเทศทั่วโลกและในยุโรปไม่ได้รู้ถึงอันตรายของฮิตเลอร์จนกระทั่งเกิดเรื่อง ซึ่งทางซาอุดิอาระเบียไม่ได้ต้องการมีอาวุธนิวเคลียร์ แต่หากอิหร่าน ซึ่งเป็นประเทศคู่ขัดแย้งในภูมิภาคตะวันออกกลางมีอาวุธนิวเคลียร์ ซาอุดีอาระเบียก็จะต้องมีอาวุธนิวเคลียร์เช่นกัน

ราคาน้ำมันดิบ Brent ปิดปรับขึ้น 1.09 เหรียญ ที่ระดับ 66.21 เหรียญ/บาร์เรล คิดเป็น +1.7% โดยระหว่างการซื้อขายคืนวันศุกร์ขึ้นไปทำ High นับตั้งแต่ 28 ก.พ. บริเวณ 66.42 เหรียญ/บาร์เรล

น้ำมันดิบ WTI ปิดปรับขึ้น 1.15 เหรียญ คิดเป็น +1.9% ที่ระดับ 62.32 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากที่ขึ้นไปทำระดับสูงสุดนับตั้งแต่ 7 มี.ค. บริเวณ 62.54 เหรียญ

ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. จะหมดอายุลงในวันพรุ่งนี้ ขณะที่ภาพรวมสัปดาห์ที่ผ่านมาน้ำมันดิบ Brent ปรับขึ้นได้ 1% ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ปรับขึ้นได้ 0.4% และส่งผลให้แป็นการปรับขึ้นสัปดาห์ที่ 2 ของน้ำมันดิบ 2 ประเภท

บริษัท เอ็มทีเอส แคปปิตอล จำกัด
10,12,14 ชั้น 3 ถนนทรัพย์สิน แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
Copyright © 2014 MTS Capital Co., Ltd. All right reserved